เกิด
สุริยุปราคาเต็มดวงในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559 เกิดเมื่อ
ดวงจันทร์ผ่านระหว่าง
โลกและ
ดวงอาทิตย์ ฉะนั้นจึงขวางภาพดวงอาทิตย์ทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ผู้สังเกตบนโลก สุริยุปราคาเต็มดวงเกิดเมื่อเส้นผ่านศูนย์กลางปรากฏของดวงจันทร์ใหญ่กว่าเส้นผ่านศูนย์กลางปรากฏของดวงอาทิตย์ จึงสกัดแสงอาทิตย์โดยตรงทั้งหมด แล้วทำให้ความมืดปกคลุม คราสเต็มดวง (totality) เกิดในวิถีแคบผ่านพื้นผิวโลกโดยสามารถเห็นสุริยุปราคาบางส่วนได้เหนือภูมิภาคโดยรอบกว้างหลายพันกิโลเมตรมี
ความส่องสว่าง 1.0450 ช่วงเวลาคราสเต็มดวงนานที่สุด คือ 4 นาที 9 วินาที เห็นได้ส่วนใหญ่ของ
มหาสมุทรแปซิฟิก โดยเริ่มต้นจาก
อินโดนีเซีย และไปจบที่
มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ
[1]ถ้าสังเกตจากทางตะวันออกของ
เส้นแบ่งเขตวันสากล เช่น ฮาวาย จะมองเห็นอุปราคาครั้งนี้ในวันที่ 8 มีนาคม (ตามเวลาท้องถิ่น), ส่วนอินโดนีเซียโชคไม่ดีนัก เพราะในเดือนมีนาคม กว่า 60-70% ของพื้นที่มักมีเมฆปกคลุมในเดือนมีนาคม ท้องฟ้าที่แจ่มใสเป็นไปได้ว่าจะอยู่ทางตะวันออกในมหาสมุทรแปซิฟิก
[2] อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
สำนักอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยา และธรณีฟิสิกส์แห่งอินโดนีเซีย (BMKG) ได้พยากรณ์ว่าส่วนตะวันตกของอินโดนีเซีย มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปกคลุมของเมฆน้อย และมีโอกาสเกิดฝนตก 20 เปอร์เซ็นต์ในเมืองทางตะวันตก เช่น
เบิงกูลู ปาเล็มบัง ปาลังการายา และ
ปาลู ซึ่งน้อยกว่าทางตะวันออก ซึ่งมีโอกาสเกิดฝนตกถึง 90 เปอร์เซ็นต์ใน
เตอร์นาตี และ
มาบา ด้วยความแม่นยำที่ 65 เปอร์เซ็นต์
[3]สำหรับประเทศไทยจะสังเกตเห็นอุปราคาครั้งนี้ได้ทั่วประเทศ โดยเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วนในเวลาเช้า โดยเริ่มสังเกตได้เวลา 06:38 น. ดวงจันทร์บังลึกที่สุดเวลา 07:32 น. และสิ้นสุดในเวลา 08:32 น. รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง 54 นาที
[4]